
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ เทศบาลนครยะลา จัดเวทีเสวนาวิชาการ “ประกาศเจตนารมณ์พัฒนาเมืองสิทธิมนุษยชน” ณ ห้องประชุมเทศบาลนครยะลา เพื่อเปิดตัวโครงการ Human Rights City อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อนำมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระดับสากลมาปรับใช้ในการบริหารท้องถิ่นและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนนำเสนอบทบาทของมหาวิทยาลัยมหิดลในการมีส่วนร่วมพัฒนาเมืองสิทธิมนุษยชน สำหรับทุกคนทุกวัย
.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ รักษาการแทนรองผู้อำนวยการฝ่ายบรอหารและหัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการ คือเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในแนวคิด “เมืองสิทธิมนุษยชน” การออกแบบเมืองที่มุ่งเน้นความเท่าเทียม ความปลอดภัย และการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน อีกทั้งยังมุ่งสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่การออกแบบนโยบาย ไปจนถึงการติดตามตรวจสอบอย่างโปร่งใส เหมาะสมกับบริบทสังคมไทยและพหุวัฒนธรรมของจังหวัดยะลา โดยเน้นย้ำว่าเมืองสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาการบริหารจัดการเมือง การให้บริการสาธารณะที่เป็นธรรม และการป้องกันการละเมิดสิทธิในรูปแบบต่าง ๆ โดยนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวต้อนรับและสะท้อนวิสัยทัศน์ว่า “การพัฒนาเมืองยะลาต้องเป็นเมืองที่ปลอดภัย เท่าเทียม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมระบุว่าแนวคิด Human Rights City จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารท้องถิ่นให้ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวเปิดงานและย้ำว่าการพัฒนาเมืองบนฐานสิทธิมนุษยชนคือการสร้างเมืองที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้หลักความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบคุ้มครองสิทธิที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับท้องถิ่น
ในโอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิวัฒน์ เลิศศิริ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และรักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “บทบาทสถาบันอุดมศึกษากับการมีส่วนร่วมพัฒนาเมืองสิทธิมนุษยชน”
การประชุมเชิงปฏิบัติการ “ออกแบบสร้างเมืองสิทธิมนุษยชน” นำโดย นางสาวพิมลลักษณ์ สุวงศ์สินธุ์ นักวิจัยจากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ซัมซู สาอุ อาจารย์ประจำหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและการจัดการการศึกษาอิสลาม เป็นกระบวนกรนำผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วนได้ร่วมสะท้อนปัญหาเมืองจากประสบการณ์จริง เช่น ความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ บริการสุขภาพ การออกแบบเมืองสำหรับกลุ่มเปราะบาง การเข้าถึงการศึกษา และการอยู่ร่วมกันของชุมชนพหุวัฒนธรรม ก่อนจะร่วมกันวิเคราะห์คุณลักษณะของ “เมืองที่ดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง” ภายใต้หลักการสิทธิมนุษยชน (Respect Protect Fulfil)
ช่วงสำคัญของวันคือเวทีเสวนาวิชาการในหัวข้อ “ร่วมพัฒนายะลาสู่เมืองสิทธิมนุษยชนมาตรฐานสากล” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ และอาจารย์ประจำสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ (CSCD) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายรอซีดี เลิศอริยะพงษ์กุล ประธานสมัชชาสุขภาพจังหวัดยะลาผู้อำนวยการโรงเรียนพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จ.ยะลา นางสาววรพร นรเศรษฐวิวัฒน์ สำนักงานส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน ดำเนินรายการโดยอาจารย์ฟารีดา ปันจอร์ การเสวนาครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การสร้างกลไกคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและการพัฒนากลไกปกป้องสิทธิมนุษยชนในระดับชุมชน ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญของเมืองสิทธิมนุษยชนในอนาคต
ช่วงท้ายของกิจกรรม มีพิธีประกาศเจตนารมณ์และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง เทศบาลนครยะลา และ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยพยานจากหลายภาคส่วน ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภาคประชาสังคม เครือข่ายผู้พิการ เด็กและเยาวชน และตัวแทนชุมชนในจังหวัดยะลา เพื่อผลักดัน ส่งเสริม และสร้างกลไกการปกป้องคุ้มครองสิทธิ อันนำไปสู่การพัฒนาโครงการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนในทุกระดับตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ความร่วมมือมีระยะเวลา 5 ปี ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ยะลาเป็นเมืองต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนและสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนใต้
การประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยะลาในการยกระดับการบริหารเมืองบนฐานสิทธิมนุษยชน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนในเมืองได้รับการเคารพ ปกป้อง และเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม ยะลาจึงเดินหน้าสู่เป้าหมาย “เมืองแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลใส่ใจ (City for All)” อย่างเป็นรูปธรรม ปิดท้ายด้วยการสรุปทิศทางการพัฒนาเมืองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ชายแดนใต้โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเมืองผ่านกลไกความไว้วางใจ การเชื่อมโยงภาคประชาชน และการนำข้อมูลเชิงประจักษ์มาใช้ในการวางนโยบาย
























